ถึง….เธอ
วันนี้จะเป็นวันสุดท้ายในจาการ์ต้าแล้ว ผมจะไปเที่ยวสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญมากๆในเมืองหลวงแห่งนี้ที่ผมไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่ามีสถานนี้อยู่ด้วย
Jakarta Old Town
โกตา ตูอา หรือ “จาการ์ตา โอลด์ ทาวน์” เป็นย่านใจกลางเมืองเดิมของกรุงจาการ์ตาในยุคอาณานิคมซึ่งเรียกว่า “ปัตตาเวีย” ที่ครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมด 1.3 ตารางกิโลเมตร


สมัยก่อนเมืองนี้จะอยู่ภายในกำแพงที่ล้อมรอบอย่างเข้มแข็ง ซึ่งในอดีตช่วงศตวรรษที่ 17-19 พื้นที่แห่งนี้ได้รับการขนานนามว่าเป็นอัญมณีแห่งเอเชีย เนื่องจากพ่อค้าจากหมู่เกาะต่างๆ ในสมัยนั้นได้ใช้บริเวณนี้เป็นศูนย์กลางการค้าของโลก โดยเฉพาะเครื่องเทศซึ่งเป็นที่ต้องการของชาวยุโรปเป็นอย่างมาก

แม้ปัจจุบันกรุงจาการ์ตาจะเปลี่ยนโฉมไป แต่ตึกเก่าในยุคอาณานิคมที่ผสมผสานระหว่างประวัตศาสตร์และวัฒนธรรมของชาวดัตช์และชาวจีนก็ยังคงหลงเหลืออยู่อีกมากมาย โดยเฉพาะในบริเวณจัตุรัสฟสาตาฮิลลาห์ที่ปูพื้นด้วยหินหยาบใจกลางย่านเมืองเก่านั้นดูจะมีสภาพดีและได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวมากที่สุดก็ว่าได้
จุดที่นักท่องเที่ยวต้องมาแชะภาพแน่นอนคือจักรยานหลากสีสันที่มีให้เช่ารอบๆ จัตุรัส



สิ่งดีงามมากๆ ของ old town แห่งนี้คือมีพิพิธภัณฑ์อยู่รายล้อมเลย และค่าเข้าถูกมากๆ แค่ 5000 รูเปียะ
เรามาเริ่มกันที่พิพิธภัณฑ์หุ่น หรือ Wayang Museum ก่อนคับ
พิพิธภัณฑ์หุ่น (Wayang Museum)
พิพิธภัณฑ์แห่งนี้จะมีหุ่นหลายรูปแบบ จากภูมิภาคต่าง ๆ ของอินโดนีเซียและตุ๊กตาอีกเป็นจำนวนมากจากประเทศเพื่อนบ้าน เช่น มาเลเซีย ไทย จีน เวียดนาม อินเดียและกัมพูชา นอกจากนั้นพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ยังถูกใช้เป็นสถานที่สอนและค้นคว้าเรื่องหุ่นเชิดเงาด้วย


หุ่นในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้มีหลายแบบจริงๆ ทั้งหุ่นเต็มตัว หุ่นเชิด หุ่นผ้า แม้กระทั่งหนังตะลุงก็มี

บางตัวก็ดูหลอนๆเหมือนกัน




ผมว่าน่าสนใจดีครับการมองวัฒนธรรมทั้งที่ใกล้เคียงกันและแตกต่างกันผ่านตัวละครหุ่นในแบบต่างๆ
หลังจากพิพพิธภัณฑ์หุ่น ผมไปต่อยังJakarta History Museum ตึกที่เป็นอดีตที่ว่าการของผู้ปกครองปัตตาเวียที่อยู่ใกล้ๆกัน
The Jakarta History Museum
ถูกสร้างเป็น City Hall ของเมืองปัตตาเวียในปี 1710 ก่อนจะถูกนำมาทำเป็นJakarta History Museum ในปี1974 เพือนำมาจัดแสดงประวัติศาสตร์ของเมืองจาการ์ต้า ตั้งแต่ก่อตั้งเมืองในปี 1527 และระหว่างเป็นอาณานิคมของดัชต์ในช่วงศตวรรษที่ 16 จนกระทั่งได้รับอิสรภาพในปี 1945



ภายในจากที่เดินดูภายใน ผมว่าไม่ค่อยมีรายละเอียดกับประวัติของเมืองมากนัก ส่วนใหญ่เป็นการจัดแสดงข้าวของเครื่องใช้ ตู้โต๊ะมากกว่า




สิ่งหนึ่งที่แปลกใจคือ ข้าวของเครื่องใช้มันดูสูง ดูใหญ่โตมาก

ผมใช้เวลาไม่นานครับสำหรับที่นี่ก็ได้เวลาไป พิพิธภัณฑ์สุดท้ายในบริเวณนี้ซึ่งน่าสนใจมากสำหรับคนชอบงานศิลปะ ผมเองก็ใช้เวลาที่นี่ค่อนข้างนานเลย


Fine Art and Ceramic Museum
พิพิธภัณฑ์งานศิลปะและเซรามิกส์เป็นที่จัดแสดงผลงานศิลปะแบบดั้งเดิมและเซรามิกของอินโดนีเซีย เดิมเคยถูกใช้เป็นศาลยุติธรรม ก่อนจะถูกเปลี่ยนมาใช้เป็นสถานที่ทางราชการ ทางการทหาร เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาจนกระทั่งวันที่ 12 มกราคม 1870 สถานที่แห่งนี้ก็ได้ถูกเปลี่ยนมาเป็นพิพิธภัณฑ์งานศิลปะและเซรามิกส์

ที่พิธภัณฑ์แห่งนี้มีคอลเลคชันผลงานศิลปะแบบโบราณและสมัยใหม่ของศิลปินจากทั่วทุกส่วนของอินโดนีเซีย มีทั้งนิทรรศการโบราณวัตถุที่เป็นเซรามิก ดินเหนียว และงานกระเบื้องเคลือบ


ในหอศิลป์เซรามิก จะมีผลงานจากเมืองต่างๆ อาทิ บันดุง ปาเล็มบัง และยอกยาการ์ตา รวมทั้งจากหมู่เกาะบาหลีและลอมบอก นอกจากนั้นยังมีงานศิลปะกระเบื้องจากประเทศอื่นๆ เช่น ราชวงศ์หมิง ของจีน
นอกจากนั้นยังมีคอลเลคชันงานศิลปะครอบที่คลุมผลงานทุกแขนง ตั้งแต่งานผ้าบาติกไปจนถึงภาพจิตรกรรม งานประติมากรรม และรูปสลักไม้ เรียนรู้เกี่ยวกับศิลปินหลายท่านที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของประเทศ ผลงานที่โดดเด่น ได้แก่ Pengantin Revolusi (Revolution Bride and Bridegroom) ของ Hendra Gunawan และ The Regent of Lebak ของ Raden Saleh ชมเสาโทเทมที่สร้างสรรค์จากไม้โดยฝีมือของประติมากรชาวบาหลีอย่างTjokot และผลงานประติมากรรมของOesman Effendi





หลังจากใช้เวลาค่อนข้างนานในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ ก็ได้เวลาไปทานมื้อเที่ยงกันที่ร้าน Batavia Café ซึ่งอยู่ใกล้กับพิพิธภัณฑ์หุ่น
ระหว่างทางเดินไปร้านอาหารมีอะไรให้ดูเยอะเหมือนกัน


มาถึง Old Town แห่งนี้แล้ว นอกจากพิพิธภัณฑ์ ไม่อยากให้พลาดการทานอาหารที่ Batavia Café เลยคับ ได้ทั้งบรรยากาศและรสชาติ
Batavia Café
เป็นตึกเก่าแก่ที่สร้างขึ้นมาตั้งแต่ปี 1830 ถือเป็นอาคารที่สองที่สร้างในย่านOld Town แห่งนี้ เคยถูกใช้เป็นหลายสถานที่ทั้งที่พัก ที่ทำการรัฐบาล แกลลอรี่ Jakarta History Museum ก่อนจะถูกเปลี่ยนมาเป็นร้านอาหารในปัจจุบัน


การตกแต่งของร้านเหมือนนำเราย้อยยุคไปทานอาหารในสมัยศตวรรษที่19 ทั้งโครงสร้างไม้ เฟอร์นิเจอร์ และกรอบรูปที่รวมกันบนชั้น 2 บรรยากาศดีมากจริงๆครับ





หากได้ที่นั่งริมหน้าตา จะมองเห็นไปทั้งจัตุรัส ได้ทาอาหารไปดูวิวไป อาหารอร่อยขึ้นเยอะเลย


ราคาก็ไม่แรงมาก จานละ 200++ คับ สำหรับสถานที่แบบนี้ถือว่าโอเคเลย
อาหารที่อยากแนะนำก็คือข้าวผัดและหมี่ผัด อร่อยมากๆ




หลังจากอิ่มมื้อเที่ยง (แต่มาทานเอาบ่ายๆแล้ว) ผมก็เดินดูบริเวณนี้อีกนิดหน่อย ก่อนจะแวะกลับไปที่ห้าง Atrium ใกล้ๆโรงแรมเหมือนเดิมเพื่อ shopping กันในช่วงสุดท้ายใน Jakarta รวมทั้งฝากท้องมื้อเย็นกันที่นี่ ก่อนจะกลับไปโรงแรมเพื่อเตรียมตัวพักผ่อนเพื่อเดินทางไป Yogyakarta ในวันรุ่งขึ้นแต่เช้าตรู่





สำหรับการท่องเที่ยวในเมืองหลวงปัจจุบัน Jakarta ของผมก็จบลงเพียงเท่านี้ วันพรุ่งนี้ผมจะพาคุณไปเยี่ยมเมืองหลวงเก่าของอินโดนีเซียนั่นคือ Yogjakarta ซึ่งมีที่เที่ยวน่าสนใจมากมายจริงๆแต่คนไทยไม่ค่อยนิยมไปกัน แล้วมาเที่ยวไปพร้อมกันนะครับ


อยากให้คุณไปอยู่ตรงนั้นด้วยกัน
รักและคิดถึง
Mgastronome
Fanpage : M Eat and Travel